อาการตัวร้อน อุณหภูมิร่างกาย สูงกว่า 37.7 องศาเซลเซียส
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
อาการตัวร้อน อุณหภูมิร่างกาย สูงกว่า 37.7 องศาเซลเซียส และมีน้ำมูกไหลหรือไอ
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
อาการตัวร้อน อุณหภูมิร่างกาย สูงกว่า 37.7 องศาเซลเซียส และมีอาการหอบ หายใจถี่ หายใจขัด หายใจลำบาก จมูกบาน คอบุ๋ม ซี่โครงบุ๋ม หรือหายใจเร็วกว่าปกติ
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : ถ้าอาการไม่ชัดเจนควรส่งโรงพยาบาลภายใน 30 ถึง 60 นาที
มีจุดแดง จ้ำเขียว ผื่นแดง ตุ่มใส หรือตุ่มหนอง ขึ้นพร้อมกับมีอาการตัวร้อนร่างกายมากกว่า 37.2 องศาเซลเซียส
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีความรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่กระปรี้กระเปร่า หรือสดชื่นเช่นปกติ
น้ำหนักลดลงอย่างน้อยร้อยละ 5 ของน้ำหนักเดิม ภายในระยะเวลา 10 สัปดาห์หรือน้อยกว่า โดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะลดน้ำหนัก ผู้ป่วยอาจสังเกตว่าเสื้อผ้าที่เคยสวมใส่อยู่เกิดการหลวมบริเวณ แขน ขา และเอว แก้มตอบ หรือมีคนอื่นทักว่าผอม
น้ำหนักตัวมากกว่าคนปกติหรือรูปร่างอ้วนผิดปกติ
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : กินอาหารเกินความต้องการ ออกกำลังกายน้อย กรรมพันธุ์ จากยาสเตียรอยด์ บวมน้ำ
หน้า เปลือกตา ริมฝีปาก ลิ้น ฝ่ามือ และเล็บ ซีดขาวพร้อมกันทุกส่วนอาจมี อาการเบื่ออาหารอ่อนเพลีย หน้ามืด วิงเวียน
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการโลหิตจาง พร้อมกับตัวร้อน อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.2 องศาเซลเซียส
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีจุดแดง ขนาด 1 มม. หรือเท่าปลายเข็มหมุด หรือจ้ำเขียว พรายย้ําขนาด 10 มม. หรือเป็นรอยแดง แผ่บางกว้างๆ ขึ้นตามผิวหนัง เมื่อใช้มือดึงหนังส่วนนั้นให้ตึง จุดหรือจ้ำเหล่านี้ ไม่จางหาย จุดแดงหรือจ้ำเขียวอาจเกิดแยกกันโดดๆ หรือเกิดร่วมกันก็ได้
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : 1.ถ้ามีไข้ร่วมด้วย:
2.ถ้าไม่มีไข้ : ผู้หญิงเวลามีประจําเดือน ผู้สูงอายุ รอยฟกช้ำ
มีอาการ ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเหมือนขมิ้น (ใส่หลอดแก้วเขย่าจะเห็นฟองสีเหลืองๆ) อาจมีอาการคันตามตัว
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะสีเหลืองเข้มเหมือนขมิ้นซึ่งพบในทารกแรกเกิด (อายุ 0 ถึง 28 วัน)
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการเท้าบวมทั้งสองข้าง ใช้นิ้วกดจะมีรอยบุ๋มอยู่นานกว่าจะหาย บางรายอาจมีอาการหน้าบวม หนังตาบวม และท้องบวม (ท้องมาน) ร่วมด้วย ผู้ป่วยอาจรู้สึกตึงตามปลายมือปลายเท้า แหวนคับ น้ำหนักขึ้น
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : การยืนห้อยเท้านานๆ
มีอาการบวมเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือมีก้อนเกิดขึ้นที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย หรือมีอาการบวมที่ขาข้างเดียว
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : 1. มีก้อนที่คอ คอพอกธรรมดา คอพอกเป็นพิษ 2. หนังตาบวม เยื่อตาขาวอักเสบ แพ้ยา 3. ริมฝีปากบวม แพ้ยาหรืออาหาร 4. ก้อนที่เต้านม มะเร็งเต้านม ฝีเต้านม 5. ต่อมน้ำเหลือง ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ 6. ไข่ดันบวม ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ฝีมะม่วง ไส้เลื่อน 7. อัณฑะบวม ไส้เลื่อน ถุงน้ำที่ถุงอัณฑะ หลอดเลือดอัณฑะขอด 8.ผิวหนัง ฝี ใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ ฟกช้ำ ลมพิษ พยาธิตัวจี๊ด ก้อนไขมันหรือถุงน้ำ
มีอาการหน้ามืด ตาลาย มือเท้าเย็น เหงื่อออก ใจหวิว ใจสั่น และมีอาการแน่นิ่ง หมดความรู้สึกตัวไปชั่วประเดี๋ยวเดี่ยว (มักเป็นอยู่ไม่เกิน 5 นาที) แล้วกลับฟื้นคืนสติได้เอง
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการแน่นิ่ง หมดความรู้สึกทุกอย่าง
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
อ่อนเพลีย ลุกนั่งหน้ามืด ผิวหนังซีดเผือด เหงื่อออก ตัวเย็น มือเท้าเย็น กระหายน้ำ กระสับกระส่าย ปัสสาวะออกน้อย ไม่ค่อยรู้สึกตัว หายใจเร็ว ชีพจรเบา และเร็ว (เต้นมากกว่านาทีละ 100 ครั้ง) และมีความดันโลหิตต่ำกว่าปกติ (หรือความดันช่วงบนต่างจากความดันช่วงล่างน้อยกว่า 30 มิลลิเมตรปรอท)
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
แขนขาชักกระตุก หรือมีอาการมือเท้าเกร็ง หรือเป็นตะคริว หรือแขนขามีการเคลื่อนไหวผิดปกติหรือลำบาก
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : 1. ชักร่วมกับมีไข้
2.ชักโดยไม่มีไข้
อัมพาต/แขนขาอ่อนแรง หมายถึงอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงขยับเขยื้อนไม่ได้หรือได้น้อยกว่าปกติมักจะเป็นที่แขนขา ทำให้เดินไม่ได้ หรือทำงานไม่ได้ บางรายแขนขาอาจแข็งแรงดีแต่มีอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อใบหน้า หรือหนังตาก็ได้ ถ้ามีอาการอ่อนแรง(อัมพาต)ของกล้ามเนื้อตาที่ทำหน้าที่ดึงตาจะทำให้หนังตาตก ตาปรือคล้ายคนที่ง่วงนอน เราเรียกอาการนี้ว่าหนังตาตก
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีความรู้สึกชาปลายมือปลายเท้า ชาปาก หรือชาเฉพาะที่ถ้าใช้เข็มแทง รู้สึกเจ็บน้อยลงก็แสดงว่ามีความผิดปกติของระบบประสาท แต่ถ้ารู้สึกเจ็บเช่นปกติก็ไม่เกี่ยวกับระบบประสาท
มีอาการปวดหนัก ปวดตื้อ ปวดมึน ปวดตุ๊บๆที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของศีรษะ รอบตาหรือใบหน้า
มีอาการวิงเวียน มึนหัว ศีรษะตื้อหรือโหวงๆ รู้สึกหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม รู้สึกว่าบ้านหมุนหรือสิ่งรอบข้างหมุน อาจมีอาการพะอืดพะอม คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : บ้านหมุนจากการเปลี่ยนท่า เมารถเมาเรือ สาเหตุจากยา ซีด ร่างกายอ่อนเพลีย นอนไม่พอ
มีอาการปวดหรือเจ็บบริเวณรอบรอบตาหรือภายในนัยน์ตา
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตาจากการเพ่งดูนานเกินไป
ตามองเห็นไม่ชัด สายตามืดมัว เห็นภาพผิดเพี้ยน เห็นภาพซ้อน เห็นเงาหยากไย่แมลงลอยไปมา หรือเห็นแสงว่าคล้ายฟ้าแลบ แสงแฟลชถ่ายรูป หรือลานสายตาแคบ มองไม่เห็นด้านข้าง
มีอาการเคืองตา คันตา ตาแดง หรือมีขี้ตา ตาแฉะ อาจพบร่วมกัน หรือแยกกันโดดๆก็ได้
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
ปวดในรูหู รอบๆหูข้างหนึ่งหรือสองข้าง
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
เสียงดังรบกวนในหู เสียงจิ้งหรีดร้องในหู รู้สึกแน่นในหู หูอื้อ คล้ายมีน้ำในหู
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
ฟังได้ไม่ชัดหรือฟังไม่ได้ยิน
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีหนองไหลหรือเลือดออกจากหู
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
แน่นจมูก คัดจมูก หรือมีน้ำมูกไหล
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
เลือดไหลออกจากจมูกข้างเดียวหรือสองข้าง
มีความผิดปกติเกี่ยวกับเหงือกหรือฟัน เช่นปวดฟันเลือดออกจากไรฟัน หรือฟันเหลือง ฟันดำ
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : 1.เลือดออกจากฟัน เหงือกอักเสบ รอยแผลถอนฟัน 2.ปวดฟันเหงือกบวม ฟันผุฟันคุด เหงือกอักเสบ 3.ฟันเหลืองดำ จากยา tetracycline คราบบุหรี่
มีอาการบวม หรือเป็นก้อนที่คาง ใต้หู หรือข้างคอ
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
รู้สึกเจ็บหรือจุกในคอหอย เวลากลืนอาหาร หรือรู้สึกกลืนอาหารลงไปในลำคอลำบาก
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
รู้สึกเจ็บหรือแสบภายในลำคอ
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
เจ็บหรือเป็นแผลที่ปาก ลิ้น เหงือก เพดานปาก หรือกระพุ้งแก้ม หรือมีอาการลิ้นเป็นฝ้าขาว
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
เสียงแหบห้าวผิดไปจากปกติ หรือไม่พูดไม่มีเสียง อาจมีไข้ร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ หรือไอแบบมีเสมหะก็ได้
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการหายใจขัดหรือลำบาก หายใจถี่เร็ว หายใจลึก หายใจแรง อาจเห็นรูจมูกบาน คอบุ๋ม ซี่โครงบุ๋ม หรือปากเขียว เล็บเขียว รู้สึกเหนื่อยง่ายเวลาออกแรงเพียงเล็กน้อย
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการเจ็บ จุกแน่น ปวดแสบปวดร้อน หรือปวดแสบในบริเวณหน้าอก
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : เจ็บตามกล้ามเนื้อหรือกระดูกหน้าอก
มีความรู้สึกใจเต้นเร็วหรือแรงกว่าปกติ เต้นไม่สม่ำเสมอหรือวูบหายเป็นครั้งคราว รู้สึกว่ามีเหงื่อออกตามมือเท้ามากกว่าปกติ
มีอาการอาเจียน มีเศษอาหาร เสมหะมีเลือดออกมา อาจมีอาการคลื่นไส้นำมาก่อน
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการปวดท้อง จุกแน่น ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือปวดบิดเป็นพักๆในท้อง อาจเป็นเฉพาะที่ หรือเป็นทั่วทั้งท้องก็ได้
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการปวดเจ็บในท้องร่วมกับตัวร้อนอุณหภูมิของร่างกายสูงกว่า 37.2 องศาเซลเซียส
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการปวดท้องเป็นครั้งคราว หรือเป็นๆหายๆ หรือเป็นเรื้อรัง หลายวันหรือเป็นสัปดาห์หรือเป็นนานแรมเดือนแรมปี
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : ถ้าเป็นเรื้อรังในเด็กอาจมีสาเหตุจาก
อาการปวดเจ็บ ปวดหน่วง หรือปวดบิดเป็นพักๆ ที่บริเวณท้องน้อย ระดับใต้สะดือลงมาที่หัวหน่าว ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ตั้งแต่อายุประมาณ 12 ปี (เริ่มมีประจำเดือน) ถึง 50 ปี (วัยหมดประจำเดือน)
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายเหลวบ่อยครั้ง
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายเหลวบ่อยครั้งนานเกิน 3 สัปดาห์หรือเป็นๆหายๆเรื้อรัง
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการถ่ายเป็นมูก หรือมูกปนเลือดกะปริบกะปรอยบ่อยครั้ง
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
ถ่ายมีเลือดแดงสด หรือเลือดดำๆ ๆออกทางทวารหนัก
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
ถ่ายลำบาก ถ่ายยาก ถ่ายอุจจาระแข็งหรือไม่ถ่ายอุจจาระนานหลายวัน (เว้นระยะนานกว่าที่เคยเป็นอยู่เป็นปกติวิสัย)
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : ขาดการออกกำลังกาย กินผักผลไม้น้อย ดื่มน้ำน้อย
มีอาการปวดขัดในข้อ หรือข้อบวมแดงร้อน ที่ข้อใดข้อหนึ่งของร่างกาย เช่น ต้นคอ ข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ ข้อสะโพก ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อนิ้วมือนิ้วเท้า อาจเป็นเพราะกันหลายข้อหรือเป็นเพียงข้อเดียวก็ได้ หรือมีอาการปวดตามเส้นเอ็นหรือพังผืดเวลาเคลื่อนไหว
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการปวดเจ็บที่บริเวณหลัง ซึ่งอาจปวดตลอดเวลาหรือเป็นพักๆ
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีความผิดปกติเกี่ยวกับจำนวนครั้ง ปริมาณหรือลักษณะของการถ่ายปัสสาวะในแบบใดแบบหนึ่ง ได้แก่ ปัสสาวะบ่อยหรือออกมามากกว่าปกติ ปัสสาวะลำบากหรือออกยาก ปวดเข่า (ขัดเบา) หรือปวดแสบเวลาปัสสาวะ ถ่ายกะปิดกะปรอยทีละน้อย หรือปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย บางครั้งอาจมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : 1.ปัสสาวะขัดหรือขัดเบา:
2.ปัสสาวะบ่อย และมาก:สาเหตุจากจิตใจ
2.ปัสสาวะบ่อยทีละน้อย:
4.ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย: ดื่มน้ำน้อย มีไข้ ภาวะขาดน้ำ
มีอาการปัสสาวะขุ่น ไม่ใสเหมือนปกติ หรือมีสีผิดปกติ เช่น สีเหลืองเข้ม สีเขียว สีฟ้า สีส้ม สีแดง สีดำ หรือสีคล้ายเลือด อาจมีไข้ร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : สาเหตุจากสีในยาหรืออาหาร
ไม่เคยมีประจำเดือนมาเลยตั้งแต่ย่างเข้าวัยสาว หรือเคยมีประจำเดือนทุกเดือน แล้วเกิดขาดไป
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : หลังคลอดบุตรหรือให้นมบุตร
-ตกขาว หมายถึงอาการที่มีของเหลว (ที่ไม่ใช่เลือด) ไหลออกมาจากช่องคลอดผู้หญิง อาจมีลักษณะใส ไม่มีกลิ่น หรือขาวข้นเหมือนแป้งเปียก หรือมีสีเหลืองหรือเขียว อาจมีกลิ่นเหม็นหรือมีอาการคัน -คันในช่องคลอด หมายถึงมีอาการคันในช่องคลอด หรือปากช่องคลอด ซึ่งอาจมีตกขาวร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีเลือดออกทางช่องคลอดที่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน หรือตกเลือดระหว่างตั้งครรภ์หรือเลือดออกกระปิดกระปรอยหลังวัยหมดประจำเดือน หรือมีเลือดประจำเดือนออกมากหรือนานผิดปกติ
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : 1.ประจำเดือนออกมากกว่าปกติ: ใส่ห่วงคุมกําเนิดหลังคลอดบุตรใหม่
2.เลือดออกระหว่างตั้งครรภ์:
3.เลือดออกทางช่องคลอด:
มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ เป็นแผลหรือตุ่มที่บริเวณอวัยวะเพศ ไข่ดันบวม หรือมีความผิดปกติในบริเวณอวัยวะเพศที่ชวนสงสัยว่าเป็นกามโรค
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการขัดเบา ปวดท้องน้อย ตกขาว เป็นแผลหรือตุ่มที่อวัยวะเพศ ไข่ดันบวม หรือมีความผิดปกติที่ชวนสงสัยว่าเป็นกามโรค
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีผื่น ตุ่ม จุดแดงจ้ำเขียว หรือเป็นก้อนขึ้นตามผิวหนัง อาจมีอาการปวดหรือคันร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
มีอาการคันตามตัว คันศีรษะ คันช่องคลอด หรือคันก้นโดยไม่มีผื่น ตุ่ม หรือวงดังให้เห็น
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
ผิวหนังขึ้นเป็นผื่น หรือตุ่ม หรือวงด่างๆ
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : สำหรับผื่นตุ่มหรือวงด่างที่ไม่มีอาการคัน: ถ้าอาการไม่ชัดเจนควรปรึกษาแพทย์เมื่อเป็นอยู่นานกว่า 1 เดือน
ผิวหนังขึ้นเป็นผื่น ตุ่ม หรือวงด่าน ซึ่งมีอาการคัน
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ : ยุง แมลงกัด
มีอาการผมร่วง หรือผมบางผิดไปจากปกติ
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
ถ่ายหรืออาเจียนเป็นตัวหนอนพยาธิ หรือมีอาการที่ชวนสงสัยว่าเป็นโรคพยาธิ เช่น พุงโรก้นปอด กินข้าวจุแต่ไม่อ้วน ปวดท้องหรืออาเจียนบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ คันก้นตอนกลางคืน ซีด โลหิตจาง ตับโต ชัก ทวารหนักโผล่ เป็นต้น
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :
บาดแผลถูกผึ้ง แตน แมลงภู่ มด เห็บ แมงมุม แมงป่อง หรือตะขาบกัด ต่อย หรือสัมผัสถูกแมงกะพรุน
การปฐมพยาบาล :เอาเหล็กในออก ทาด้วยแอมโมเนียหรือครีมสเตียรอยด์ ให้ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้
ถูกงูกัด หรือสงสัยว่าถูกงูกัด
อาการนี้เกี่ยวข้องกับ :